วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เคล็ดลับ 10 วิธีการดูแลสมองให้เฉียบคม

 เคล็ดลับ 10 วิธีการดูแลสมองให้เฉียบคม 10

                เพราะสมองไม่ได้มีความสำคัญเพียงแค่แยกหูทั้งสองข้างของเราออกจากกันเพียงเท่านั้น แม้หลายๆ คนบางครั้งอาจถูกคนข้างๆ ถากถางปรามาสไว้อย่างนั้นในบางครั้งก็ตามแต่ หากแต่ว่าความเป็นจริงแล้วสมองนั้นเป็นหนึ่งในอวัยวะที่มีความสำคัญอย่างหนึ่งของเรา เพราะสมองมีหน้าที่คอยควบคุมและสั่งการการเคลื่อนไหว พฤติกรรม และการรักษาสมดุลภายในร่างกายให้เป็นไปโดยปกติ เมื่อสมองเป็นอวัยวะสำคัญที่ไม่ควรละเลยการดูแล วันนี้เรามาดูกันว่ามีวิธีการใดบ้างที่จะช่วยให้สมองของเรามีความเฉียบคมอยู่ตลอดเวลา




 1. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
                การออกกำลังกายทุกวันวันละอย่างน้อย 30 นาที วิธีนี้จะส่งผลดีต่อระบบการทำงานของสมอง ให้ระบบการไหลเวียนโลหิตในสมองดีขึ้น และในขณะที่หัวใจและอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายก็มีความแข็งแรงขึ้นตามไปด้วย กล่าวได้ว่าสมองแจ่มใส มาพร้อมกับร่างกายที่แข็งแรง

 2. เลือกทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ
                การได้รับพลังงานในปริมาณที่มากหรือน้อยเกินไป มีผลต่อการทำงานของระบบสมองเหมือนกัน ดังนั้นแล้วหากสนใจเรื่องการดูแลสมอง ก็ไม่ควรที่จะละเลยเรื่องการบริโภคอาหารหรือผลไม้ที่ให้ไฟเบอร์สูง และให้ปริมาณของไขมันและโปรตีนอย่างพอเหมาะ ที่สำคัญคือควรลดการทานอาหารที่บั่นทอนสุขภาพไม่ก่อนให้เกิดประโยชน์กับร่างกาย อาทิเช่นอาหารที่มีรสจัดมากเกินไป เป็นต้น การบริโภคอาหารให้ถูกหลักโภชนาการจะทำให้การทำงานของระบบสมอง มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย

 3. หักห้ามใจ ไม่ตามใจปาก
                การทำอะไรตามใจบากมักสร้างความลำบากตามมาในอนาคตไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของคำพูดที่สื่อออกไปตามใจโดยไม่คิดไตร่ตรองให้รอบคอบ หรือแม้แต่การกินเองก็ตามแต่ หากเลือกทานอาหารอย่างไม่ดูคุณค่าทางโภชนาการ จะมีส่วนทำให้สมองของเราทำงานช้าลงได้ เช่นการทานอาหารมื้อหนักจะทำให้สมองมีความเอ่ยชา ง่วงซึมหลังมื้ออาหารได้ ดังนั้นจึงควรอย่างยิ่งที่จะรู้จักควบคุมปริมาณอาหาร และเลือกทานอาหารอย่างเหมาะสมในแต่ละมื้ออาหาร  

 4. ใส่ใจดูแลตัวเองให้มากขึ้น
                คุณรู้หรือไม่? โรคเบาหวาน โรคอ้วน และโรคความดันโลหิตสูง ทั้งสามโรคนี้เป็นโรคอันตรายที่ส่งผลกระทบต่อสมองโดยตรง โรคเหล่านี้ทำให้กระบวนการรับรู้ของสมองแย่ลง จนบางครั้งอาจทำให้เกิดโรคความจำเสื่อมเกิดขึ้นได้ ซึ่งเราคงไม่อยากเป็นอย่างนั้นใช่หรือไม่ คงไม่ดีแน่หากเราลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองจำชื่อตัวเองและคนรอบข้างไม่ได้ รู้อย่างนี้แล้วเราจึงควรที่จะหันมารักและดูแลตัวเองให้มากขึ้น หลีกเลี่ยงการทำลายสุขภาพทั้งทางตรงและทางอ้อม อาทิเช่น การสูบบุหรี่ การเสพสารเสพติด การดื่มสุราอย่างหนัก เป็นต้น และอย่าลืมที่จะหลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีไขมันสูง เพื่อป้องกันและบรรเทาไม่ให้สมองของเราถูกทำลายก่อนวัยอันควร

 5. พักผ่อนให้เพียงพอ
                การนอนหลับ ถือว่าเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด ที่จะทำให้ร่างกายและสมองของเราได้รับการพักผ่อน และผ่อนคลายอย่างเต็มที่ หลังจากการใช้งานตรากตรำมาตลอดชั่วโมงการทำงาน การนอนหลับอย่างน้อยวันละ 8-10 ชั่วโมง จะมีส่วนช่วยทำให้การทำงานของสมองดีขึ้น และตัวเราเองก็จะรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่าพร้อมกับการทำงานครั้งต่อไปด้วยเช่นกัน

 6. กาแฟ
                มีการศึกษาพบว่าสารคาเฟอีนในกาแฟสามารถช่วยปกป้องสมองได้ การดื่มกาแฟในปริมาณที่พอเหมาะต่อครั้งต่อวันถือว่ามีความสำคัญมาก การดื่มกาแฟวันละ 2-4 แก้วต่อวัน จะช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคความจำเสื่อมหรือโรคอัลไซเมอร์ได้ถึง ร้อยละ 30-60 เปอร์เซนต์เลยทีเดียว




 7. เนื้อปลาบำรุงสมอง
                ปลาถือว่าเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ย่อยง่าย ให้ประโยชน์ต่อร่างกายและสมองเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะสารอาหารโอเมก้า(Omega-3) ที่อยู่ในเนื้อปลา สามารถช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมองให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 8. รู้จักผ่อนคลาย ปล่อยตัวไปตามสบาย
                ความเครียดคือไฟอย่างดีที่เผารนสุขภาพกายและใจของเราให้ด้อยลงไป และที่สำคัญความเครียดนั้นส่งผลโดยตรงต่อการทำงานและการจดจำของสมอง เครียดมากประสิทธิภาพของสมองก็แย่มากตามมา ดังนั้นจงรู้จักผ่อนคลาย ปล่อยตัวความสบาย ลดความตึง หรือเงื่อนไขในชีวิตลงบ้าง จะช่วยทำให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย เป็นการเติมเชื้อไฟให้กับการทำงานของร่างกายและสมองได้อีกทางหนึ่ง

 9. การใช้อาหารเสริมบำรุงสมองอย่างพอดี
                ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม มีผลดีต่อร่างกายของผู้ที่จำเป็นต้องได้รับสารอาหารเข้ามาทดแทนส่วนที่ขาด หรือทดแทนการบริโภคอาหาร ที่ได้รับคุณค่าทางสารอาหารไม่เพียงพอ อาหารเสริมใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียเลยเสียทีเดียว ซึ่งอาหารเสริมชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าไม่ใช่อาหารหลัก การทานอาหารเสริมนั้นไม่ใช่สิ่งที่ต้องห้าม หากแต่การเลือกอาหารเสริมมาเป็นอาหารหลักนั้นเป็นสิ่งที่ต้องห้ามอย่างยิ่ง การทานอาหารเสริมต่างๆ อย่างผิดวิธีและเกินขีดความจำเป็นนั้น นอกจากจะไม่ส่งผลดีแล้ว ยังจะส่งผลเสียต่อสมองเป็นอย่างมาก และที่สำคัญอาจเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุด้วยเหมือนกัน

 10. ทำกิจกรรมที่ลับสมอง
                การทำงานอดิเรกในเวลาว่าง การเล่นเกมส์ลับสมองก็เป็นการบริหารสมองและเพิ่มรอยหยักให้กับสมองได้อีกทางหนึ่ง เกมส์ที่ช่วยเพิ่มสมรรถภาพให้กับสมองได้แก่ การเล่นเกมส์ปริศนาอักษรไขว้ ต่อจิ๊กซอว์ภาพ การวาดภาพ เล่นหมากรุก เป็นต้น กิจกรรมยามว่างเหล่านี้นอกจากคุณจะได้เพลิดเพลินจากการเล่นแล้ว ยังช่วยให้เป็นการพัฒนาประสิทธิภาพของสมองได้อีกด้วย



               
                วิธีการดูแล้วสมองทั้ง 10 วิธีนี้ ไม่ยากเกินไปสำหรับการนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน หากใครที่ชื่นชอบการดูแลสมอง ก็อย่าลืมลองนำเอาทั้ง 10 วิธีนี้ไปปรับใช้ เพื่อจะได้เพิ่มประสิทธิภาพของสมองในการทำงาน ให้สมองของเรามีความเฉียบคมอยู่ตลอดเวลา



วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบำรุงสายตา Puritan's Pride - Omega-3 Fish Oil 1000 mg

ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบำรุงสายตา Puritan's Pride - Omega-3 Fish Oil 1000 mg
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบำรุงสมองและการทำงานของหัวใจ




Puritan's Pride Premium - Omega-3 Fish Oil 1000 mg - 100 เม็ด
(ผลิตภัณฑ์นำเข้าจาก USA 100%)

ราคาพิเศษ 390 บาท (ปกติ 450 บาท)  + ส่งฟรี !!! ทั่วประเทศ

ขนาดรับประทาน : ครั้งละ 1 Softgel วันละ 3 ครั้ง พร้อมมื้ออาหาร
ข้อควรระวัง : สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานวิตามิน


สั่งซื้อได้ที่ 
http://www.ihealthyplusshop.com/product/3/puritanaposs-pride-premium-omega-3-fish-oil-1000-mg-100-softgels
หรือ  www.iHealthyPlusShop.com




ประโยชน์ของ Omega-3 (โอเมก้า-3)

     - สามารถลดความเสี่ยงจากโรคหลอดเลือดและหัวใจ ป้องกันการอักเสบของหลอดเลือดและป้องกันลิ่มเลือดจับกันเป็นก้อน ช่วยรักษาจังหวะการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ ช่วยรักษาความยืดหยุ่นของผนังหลอดเลือด-ป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว
     -โอเมก้า 3 มีความสามารถน่าสนใจหลายประการโดยเฉพาะฤทธิ์ต่อจิตใจและสมอง งานวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดแสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยที่หดหู่ซึมเศร้า สามารถมีอารมณ์ดีขึ้นได้ใน 4 เดือนเมื่อได้รับอาหารที่มีส่วนผสมของโอเมก้า 3 ดร.แอนดริว สโทลอธิบายว่ากรดไขมันโอเมก้า 3 กระตุ้นการสร้างสารเคมีในสมองชื่อซีโรโทนิน ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการซึมเศร้าได้
     - EPA ลดการอักเสบเรื้อรังของเยื่อบุทางเดินหายใจและลดการตอบสนองทางภูมิแพ้ ลดความรุนแรงและความถี่ของการเป็นหอบหืด
     - EPA ในน้ำมันปลา มีบทบาทสำคัญในการรักษาโรคซึมเศร้า ช่วยทำให้ซีโรโตนินในสมองทำงานได้ดีขึ้น (กลไกการทำงานแบบเดียวกันกับยา Prozac ที่ใช้รักษาโรคทางจิตเวช) ช่วยให้อาการซึมเศร้า ขาดสมาธิ นอนไม่หลับ ไม่มีอารมณ์ทางเพศนั้น อาการดีขึ้นมากกว่า 50%
     - ป้องกันโรคความจำเสื่อม
     - ช่วยควบคุมความดันโลหิต

Omega-3 (โอเมก้า-3) เหมาะกับใคร
- ผู้สูงอายุ เพื่อป้องกันโรคหัวใจและโรคความจำเสื่อม
- ผู้ที่มีปริมาณ Cholesterol สูง
- ผู้ที่ต้องทำงานใช้ความคิด วิเคราะห์อยู่ตลอดเวลา

วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบำรุงสายตา Puritan's Pride Bilberry 1000 mg


สำหรับผู้ที่ใส่ใจดูแลถนอมสายตาเป็นพิเศษ ขอแนะนำ



Puritan's Pride Bilberry 1000 mg. ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบำรุงสายตา  ซึ่งสกัดจากผล Bilberry เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยในการเพิ่มสมรรถภาพการมองเห็นของดวงตาให้ดีขึ้น โดยเฉพาะการมองเห็นในที่มืด และช่วยลดอาการตาพร่ามัว ได้เป็นอย่างดี






Puritan's Pride Bilberry 1000 mg./ 90 softgels (ผลิตภัณฑ์นำเข้าจากอเมริกา 100%)

สำหรับผู้ใหญ่ รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1 - 2 ครั้ง พร้อมมื้ออาหาร


ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม Puritan's Pride Bilberry 1000 mg. ขนาด 90 เม็ด
ราคาพิเศษ 450 บาท (ราคาปกติ 550บาท) + บริการส่งฟรีทั่วประเทศ
ดูรายละเอียดได้ที่ http://www.ihealthyplusshop.com/product/2/puritanaposs-pride-bilberry-1000-mg-90-softgels  หรือ http://www.ihealthyplusshop.com






ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ บิลเบอร์รี่

ประโยชน์ของบิลเบอร์รี่ (Bilberry) ต่อสุขภาพตา

1. ทำให้การมองเห็นในที่มืดดีขึ้น

2. ช่วยบรรเทาอาการตาพร่ามัวในตอนกลางคืน ( Night blindness)

3. ช่วยลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา เมื่อใช้สายตาในการทำงานหรืออยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ

4. ช่วยป้องกันเลนส์ตาและช่วยให้คอลลาเจนในตาในส่วน cornea และหลอดเลือดฝอยแข็งแรงขึ้น

5. ช่วยลดอนุมูลอิสระในจอตา ทำให้ป้องกันอาการเสื่อมที่มักจะเกิดกับดวงตาให้น้อยลงได้ เช่น ต้อกระจก ต้อหิน ต้อเนื้อ ตาเสื่อมในคนสูงอายุ(สายตายาว)



วิธีการดูแลรักษาดวงตา : วิธีการถนอมสายตา

การดูแลรักษาดวงตา : วิธีการช่วยถนอมสายตา


ดวงตาเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญมาก เพราะเป็นอวัยวะที่ช่วยในการมองเห็น การดูแลรักษาดวงตาให้มีสุขภาพดีอยู่เสมอ จะช่วยทำให้มีการมองเห็นที่ชัดเจน และมีส่วนช่วยทำให้คุณภาพชีวิตของเราดีขึ้นได้ ดังนั้น จำเป็นเป็นอย่างยิ่งที่ดวงตาของเราควรได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง โดยมีวิธีการดูแลถนอมดวงตาง่ายๆ ดังนี้
เมื่อไหร่ก็ตามที่เรารู้สึกว่าตาแห้ง วิธีการแก้ไขคือให้กะพริบตาถี่ๆ เพราะอาการตาแห้งนั้นเกิดจากการกะพริบตาที่น้อยครั้งเกินไป จนความชื้นที่ไปหล่อเลี้ยงดวงตาไม่พอ จึงทำให้ดวงตาล้าขาดความชุ่มชื้น โดยเฉพาะเวลาที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ หรือใช้สายตาเพ่งมากเกินไป บางครั้งจำนวนการกะพริบตาจะลดน้อยลงโดยที่เราไม่รู้ตัว พลอยทำให้กล้ามเนื้อตาล้า และเกิดอาการตาแห้งขาดความชุ่มชื้นขึ้นได้ วิธีการช่วยถนอมสายตา ลดอาการตาแห้งคือ ให้พยายามใช้กฎ 20-20-20 คือ ทุกๆ 20 นาที ให้มองไปไกลประมาณ 20 ฟุต นานประมาณ 20 วินาที หรือใช้วิธีการหลับตาเพื่อพักสายตาประมาณ 20 วินาทีก็ได้เช่นกัน วิธีนี้เพื่อเป็นการพักสายตา และป้องกันสายตาล้า ปวดตา และช่วยถนอมสายตาของเราได้
เมื่อไหร่ก็ตามหากมีอาการตาล้า แสบตาหรือปวดตา อันเนื่องจากการใช้สายตาเป็นระยะเวลานาน  ให้หาสำลีชุบน้ำมาวางขณะหลับตา จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและลดอาการเมื่อยล้าของสายตาได้ดี
ใส่ใจแสงสว่างภายในห้องทำงาน โดยปรับความสว่างให้เหมาะสม ไม่ควรทำงานในที่ๆ มีแสงจ้าหรือมืดเกินไป หากต้องทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ ควรอย่างยิ่งที่จำเป็นต้องปรับความสว่างของหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมด้วยเช่นกัน การจัดวางคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่มีความสำคัญ โดยทั้งนี้ควรจัดวางให้มีระยะห่างประมาณ 50-70 เซนติเมตร และปรับระดับจอภาพให้พอดี ไม่ควรให้อยู่สูงหรือต่ำจากระดับสายตามากเกินไป และหากต้องใช้สายตาสำหรับการอ่านหนังสือนานๆ ระยะที่เหมาะสมสำหรับการอ่านหนังสือคือไม่ควรใกล้เกินกว่า 40 ซม. จากสายตา
ควรพักสายตาบ่อยๆ ซึ่งหากเป็นไปได้ควรพักสายตาทุกๆ 1 ชั่วโมง โดยการมองออกไปด้านนอก หรือหลับตา ละสายตาจากสิ่งที่ทำสักพักหนึ่ง อย่างน้อย 20 วินาที
เมื่อต้องออกไปสัมผัสกับแสงแดดที่จ้าควรสวมแว่นกันแดดทุกครั้ง เพื่อป้องกันแสง UV อีกทั้งช่วยป้องกันการเกิดโรคตาต่างๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็น ต้อลม ต้อเนื้อ กระจกตาเป็นฝ้า ต้อกระจก จอประสาทตาเสื่อม แว่นกันแดดที่ดีนั้นควรกันแสง UV-A และ UV-B อย่างน้อย 99-100 เปอร์เซ็นต์ และกันแสงทั่วไปได้อย่างน้อย 75-90 เปอร์เซ็นต์
วิธีการต่อมาคือควรตรวจสุขภาพดวงตาเป็นประจำทุกๆ ปี โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ทั้งนี้เผื่อหากมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับดวงตาขึ้น จะได้รักษาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือดื่มน้ำให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย เพราะนอกจากจะทำให้ผิวพรรณชุ่มชื้นแล้ว ยังช่วยให้ผิวรอบดวงตาดูสดใสอิ่มเอมเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อดวงตาเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน ผักผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อดวงตา เช่น ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ใบเขียว แครอท หรือผลบิลเบอร์รี่ เป็นต้น ผักผลไม้เหล่านี้จะมีส่วนช่วยลดอันตรายจากสารต้านอนุมูลอิสระในแสงแดด ที่มีส่วนในการทำลายจอประสาทตา อีกทั้งยังมีส่วนช่วยให้สายตาของเรานั้นสามารถทำงานในที่มืดได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยชิ้นสำคัญที่พบว่า การรับประทานอาหารที่มี Omega-3 สูง เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ก็จะสามารถช่วยบำรุงสายตาได้เช่นกัน
สุดท้ายพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการพักผ่อนนั้นเป็นการพักสายตาที่ดีที่สุด หากอดนอนเป็นระยะเวลานาน หรือการพักผ่อนไม่เพียงพอ จะทำให้ดวงตาดูหมองคล้ำ และควรหลีกเลี่ยงการนอนคว่ำหน้าเพราะจะทำให้เกิดริ้วรอยได้


ประโยชน์ของบิลเบอร์รี่ Bilberry ที่มีต่อดวงตา

ประโยชน์ของบิลเบอร์รี่ Bilberry ที่มีต่อดวงตา

          บิลเบอร์รี่(Bilberry) เป็นไม้พุ่ม ขนาดเล็ก ในตระกูล Ericaccae มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Vaccinium myrtillus ซึ่งเป็นพืชสายพันธุ์ใกล้เคียง กับ Blubery ของแถบอเมริกาเหนือ เราจะพบบิลเบอร์รี่ มากในประเทศแถบยุโรป แคนาดา และสหรัฐอเมริกา ในอังกฤษและยุโรปตอนเหนือ มักจะนิยมนำผลบิลเบอร์รี่สุกมาทำเป็นแยมมานานกว่า 100 ปีแล้วนอกจากนี้ยังนำส่วนของใบและก้านไปทำเป็นผลแห้ง เพื่อทำเป็นผงชาสำหรับดื่มเพื่อสุขภาพกันอย่างแพร่หลายอีกด้วย และที่สำคัญผลบิลเบอร์รี่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเพิ่มสมรรถภาพของสายตาให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น และช่วยถนอมดวงตาของเรามีอายุยืนนานมากขึ้นด้วย



ประโยชน์ของบิลเบอร์รี่ Bilberry ที่มีต่อดวงตา

         - เพิ่มสมรรถภาพในการมองเห็นในที่มืดให้ดีและมีการโฟกัสที่รวดเร็วขึ้น ช่วยลดระยะเวลาในการ ปรับแสงจากสว่างไปสู่ที่มืดหรือที่มีแสงสลัวได้เร็วขึ้น เนื่องจาก VMA ช่วยคืนสภาพของสารโรดอพซิน (Rhodopsin) ในดวงตาหลังจากถูกแสงได้เร็วขึ้น
          - ช่วยให้การมองเห็นภาพมีคมชัดขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเอนไซม์หลายตัวที่อยู่ภายในจอประสาทตา (Retina) ของเรา ซึ่งช่วยทำให้เรามองเห็นภาพได้ชัดเจน คมชัดมากขึ้น
          - ลดความเสี่ยงของอาการตาบอด ช่วยลดปัญหาสำหรับผู้ที่ต้องเผชิญกับแสงสว่างจ้ามากๆ หรือแสงแฟลช ซึ่งสามารถแสงเหล่านี้อาจทำลายจอประสาทตา จนอาจทำให้ตาบอดได้ในอนาคต
          - ปกป้องโครงสร้างของผนังเส้นเลือดฝอย ช่วยเพิ่มแรงต้าน และเพิ่มการขยายตัวของผนังหลอดเลือด มีส่วนทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งแรงขึ้น มีส่วนในการช่วยทำให้ผนังหลอดเลือดมีความยืดหยุ่นได้ยิ่งดีขึ้น ไม่เปราะหรือฉีกขาดได้ง่าย ดังนั้นแล้วบิลเบอร์รี่จึงมีผลดีต่อเนื้อเยื่อที่มีเส้นเลือดฝอยหล่อเลี้ยงจำนวนมาก เช่น จอประสาทตา (Retina) ระบบหลอดเลือดดำและไต เป็นต้น 
          - และทั้งนี้บิลเบอร์รี่ยังมีประโยชน์สำหรับผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้สายตาที่มีความละเอียดสูง หรือใช้สายตามากเป็นพิเศษ เช่น นักบิน นักเรียน นักศึกษา ผู้ที่ใช้งานคอมพิวเตอร์ และผู้ที่ต้องขับรถในเวลากลางคืน  เพราะจะช่วยให้สายตามีความชัดเจนมากขึ้น และยังช่วยถนอมดวงตาของเราได้อีกทาง
           - ช่วยป้องกันต้อหิน ต้อกระจก ต้อลม ลดแรงดันในลูกตาลดความเจ็บปวดจากการบวมในลูกตา

นอกเหนือจากนี้บิลเบอร์รี่ ยังมีส่วนสำคัญในการ
          - ป้องกันโรคเบาหวาน, โรคไทฟอยด์, นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ, โรคความดันโลหิตสูง และระบบหายใจผิดปกติ
          - ป้องกันเส้นเลือดขอด ลดการบวม เสริมสร้างความแข็งแรงของผนังหลอดเลือด ช่วยสร้างเนื้อเยื่อ เส้นเอ็น และกระดูกอ่อน
- แก้การติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ ช่วยบรรเทาอาการผิดปกติในลำไส้ใหญ่ โรคเริม ท้องผูก โรคกระเพาะอาหาร แผลในปาก
          - เป็นสารแอนติออกซิแดนท์ ควบคุมน้ำตาลในเลือด ช่วยลดเกล็ดเลือด (Blood platelet) ต่อต้านโธไซยาโนไซเดอร์

          ทั้งนี้ได้มีการพิสูจน์ทางคลินิคแล้วว่า สารแอนโธไซยานิดิน(Anthocyanin)  ที่มีอยู่ในผลบิลเบอรี่นั้นมีส่วนช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังหลอดเลือดที่ดวงตา โดยเฉพาะในผู้ที่มีอาการตาบอดกลางคืน สายตาสั้น และดวงตาอ่อนล้าอันเนื่องมาจากการใช้งานมากเกินควร

          บิลเบอร์รี่ มีประโยชน์สำหรับผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้ความละเอียดสูง หรือใช้ สายตามากเป็นพิเศษ เช่น นักบิน นักเรียน นักศึกษา ผู้ที่ใช้งานคอมพิวเตอร์ และผู้ที่ต้องขับรถในเวลากลางคืน ซึ่งบิลเบอร์รี่สามารถช่วยคงระดับสารโรดอพซินในดวงตา ที่อาจลดลงในช่วงที่มีการใช้ สายตาเป็นเวลานาน
          บิลเบอรี่สามารถเพิ่มสมรรถถาพของสายตาให้ดีขึ้น โดยเฉพาะกับผู้ที่ใช้ต้องสายตามากเป็นพิเศษ เช่น การอยู่หน้าจอคอม พิวเตอร์เป็นระยะเวลานาน  ขับรถตอนกลางคืนบ่อยๆ เป็นต้น


และอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ใส่ใจดูแลถนอมสายตาเป็นพิเศษ ขอแนะนำ



Puritan's Pride Bilberry 1000 mg. ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบำรุงสายตา  ซึ่งสกัดจากผล Bilberry เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยในการเพิ่มสมรรถภาพการมองเห็นของดวงตาให้ดีขึ้น โดยเฉพาะการมองเห็นในที่มืด และช่วยลดอาการตาพร่ามัว ได้เป็นอย่างดี 



ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม Puritan's Pride Bilberry 1000 mg. ขนาด 90 เม็ด
 ราคาพิเศษ 450 บาท (ราคาปกติ 550บาท) + บริการส่งฟรีทั่วประเทศ
หากสนใจสามารถดูรายละเอียดได้ที่ http://www.ihealthyplusshop.com/product/2/puritanaposs-pride-bilberry-1000-mg-90-softgels  หรือ http://www.ihealthyplusshop.com