ประโยชน์ของกรดไขมันโอเมกา-3 : Omega-3
กรดไขมันโอเมกา-3 (ω-3
หรือ omega-3)
ซึ่งเป็นโครงสร้างไขมันสำคัญในสมองและจอประสาทตา เป็นกลุ่มของกรดไขมันชนิดที่ไม่อิ่มตัวสูง
เป็นหนึ่งในกรดไขมันจำเป็น (Essential Fatty acid) ที่ร่างกายมนุษย์ขาดไม่ได้
ดร.อลัน ไรอัน จาก มาร์เท็ค ไบโอไซน์ส (Martek Biosciences) นำเสนอผลการวิจัย จากการบริโภคกรดไขมันโอเมกา-3 ในเด็กอายุ 4 ขวบ ที่มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ดี ผลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ายิ่งมีระดับกรดไขมันโอเมกา-3 ในเลือดมากเท่าใด เด็กก็จะทำแบบทดสอบด้านการรับรู้ได้ดีมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในการบริโภคอาหารในแต่ละวันควรมีการผสมกรดไขมันโอเมกา-3 ในอาหารสำหรับเด็ก ซึ่งกรดไขมันโอเมกา-3 พบได้ในไขมันปลา แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านยังให้คำแนะนำว่าสตรีและเด็กควรบริโภคไขมันปลาในปริมาณที่พอดี ไม่มากจนเกินไป
กรดไขมันโอเมกา-3 มีบทบาทสำคัญต่อโครงสร้างและการทำงานของสมอง
ตับ และระบบประสาทเกี่ยวกับการพัฒนาเรียนรู้ รวมทั้งเกี่ยวกับเรตินาในการมองเห็น
นอกจากนี้ยังมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อโภชนาการและสุขภาพของคนเรา เช่น
ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอล และไตรเอธิลกลีเซอรอล (triethylglycerol) ในพลาสมา
ควบคุมระดับไลโปโปรตีน (lipoprotien) และมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบและหน้าที่ของเกล็ดเลือด
จึงมีแนวโน้มก่อให้เกิดผลดีในการลดอันตรายของโรคทางเดินหายใจ โรคไขมันในเส้นเลือด
โรคหัวใจและโรคซึมเศร้า โอเมกา-3 พบมากในปลาทะเล และ ปลาน้ำจืดบางชนิด
ใน Omega-3 ประกอบด้วย
EPA - (Eicosapentaenoic acid) เรียกได้ว่าเป็นสารต่อต้านการอักเสบอันทรงพลัง
(Powerful Anti-inflammation) มีประโยชน์ต่อสุขภาพผิวในแง่ของ การช่วยลดเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่น
จุดด่างดำ รวมถึงภาวะสิวอักเสบ และปกป้องผิวจากการแผดเผาของรังสียูวี
DHA - (Docosahexaenoic acid) เรียกกันว่ากรดไขมันของสมอง
ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของสมอง การเรียนรู้ ความจำ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญคือ
สุขภาพผิวที่ผุดผ่องสดใส ชุ่มชื้นขึ้นจากการบำรุงอันล้ำลึกจากภายใน
ประโยชน์ของ Omega-3
1. ผิวสวยหน้าใส สมองสดใส หัวใจแข็งแรง
กรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันจำเป็น แต่ไม่สามารถสร้างเองได้ภายในร่างกาย
ดังนั้นจำเป็นต้องรับจากการบริโภคอาหารเท่านั้น และแทบทุกระบบการทำงานภายในร่างกาย
จำเป็นที่จะต้องใช้ประโยชน์จากกรดไขมันจำเป็น ทั้งนั้น อาทิเช่น
- ระบบหลอดเลือดหัวใจ(ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยลดไขมันคอเลสเตอรอล
ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจขาดเลือดฉับพลัน และ โรคอัมพาต)
- ระบบประสาท(ช่วยเพิ่มความจำ)
- สายตา(ช่วยในการมองเห็น)
- ระบบภูมิคุ้มกัน(ลดอาการภูมิแพ้)
- ระบบไหลเวียนโลหิต
- ระบบสืบพันธุ์
- ระบบข้อกระดูก
นอกจากนี้แล้วกรดไขมัน Omega-3 ยังมีคุณสมบัติ
ต่อต้านการอักเสบ(ช่วยบรรเทาอาการข้ออักเสบ) และที่สำคัญที่สุด กรดไขมันโอเมก้า 3
ช่วยให้ผิวเปล่งประกายและสุขภาพดีขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการเข้าไปสร้างเยื่อหุ้มเซลล์ช่วยคงความชุ่มชื้นและแข็งแรง
ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสติน จึงส่งผลให้ผิวพรรณแลดูอ่อนเยาว์และสดใส
ทั้งนี้หากมีการรัปทานร่วมกับ วิตามินเอ ดี และอี จะยิ่งช่วยปกป้องการเกิดสิว
ไม่ว่าจะเป็น สิวหัวขาวและหัวดำ
2. ลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด
ในปัจจุบัน น้ำมันปลาถูกนำมาใช้ในการช่วย
ลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด
โดยที่กรดไขมันโอเมก้า-3 จะเข้าไปอยู่เป็นส่วนประกอบของผนังเซลล์ ของเกล็ดเลือดเม็ดเลือดแดง
ตับ และอื่นๆ อีก ส่งผลให้การจับตัวของเกล็ดเลือดลดลง พร้อมทั้งมีการสร้างสาร
ที่ทำให้หลอดเลือดขยายตัวได้ดี
3. Omega 3 มีประโยชน์ต่อสตรีมีครรภ์
กรดไขมันโอเมก้า-3 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
DHA มีความสำคัญในการพัฒนาและการทำหน้าที่ของระบบประสาท
ระบบสายตา และระบบสมอง ของทารกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนคลอด
และในช่วง 6 เดือนแรกหลังจากคลอดแล้ว ดังนั้น มารดาของทารกที่เสริมกรดไขมันโอเมก้า
3 จะเป็นทางเดียวที่จะทำให้
ทารกในครรภ์ได้รับกรดไขมันจำเป็นไปด้วย (ทั้งนี้ควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ
โดยควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ก่อนทุกครั้ง)
4. โอเมก้า3 มีประโยชน์สำหรับเด็ก
น้ำมันปลาโอเมก้า 3
มีประโยชน์อย่างมากมายในการช่วยการเจริญเติบโตของเด็ก เช่น
ช่วยพัฒนาการทำงานของสมองและจิตใจ เพิ่มสมาธิ ความจำระยะสั้นและ ทักษะในการอ่าน
นอกเหนือจากนี้ ยังมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ช่วยปกป้องกระดูก ข้อ และกล้ามเนื้อ ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่เด็กๆ
ควรจะได้รับปริมาณโอเมก้า 3 ในระดับสมดุลกับอาหารของพวกเขา
5. จุดเด่นของ Omega-3 มีคุณสมบัติป้องกันและรักษา
-
ช่วยลดระดับคอเลสเตอร์รอล และไตรกลีเซอร์ไรด์ ที่เป็นอันตราย
ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจวายเฉียบพลัน และเส้นเลือดในสมองแตก
-
ลดความหนืดของเกร็ดเลือด และลดปริมาณสารไฟบรินในเลือด จึงช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดในกระแสเลือด
-
ช่วยป้องกันอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ ซึ่งเป็นภัยเงียบที่สามารถเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
-
ช่วยลดความเสี่ยง ป้องกันมะเร็งเต้านม
-
ช่วยลดบรรเทาอาการคันและแห้งของโรคสะเก็ดเงิน
-
ลดการต้านเนื้อเยื่อที่ปลูกถ่าย ในผู้ที่ปลูกถ่ายอวัยวะ
-
ช่วยในการลดความถี่และความรุนแรงของโรคปวดศรีษะไมเกรน
-
ช่วยให้ผิว ผม และเล็บมีสุขภาพดี
-
ช่วยป้องกันหลอดเลือดแดงแข็ง
-
ต่อต้านผลร้ายจากสารผโพรสตาแกลนดิน (ลดภูมิต้านทานและเพิ่มการเติบโตของเนื้องอก)
-
ช่วยบรรเทาอาการโรคข้ออักเสบ รูมาตอยด์
** สำหรับผู้ป่วยที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด
เช่นคูมาดินหรือเฮปาริน ไม่ควรรับประทานโอเมก้า3 นอกจากแพทย์แนะนำ
อ้างอิง
http://th.wikipedia.org/wiki/กรดไขมันโอเมกา-3
http://www.omoneycenter.com/TA/53988/Oriflame/Wellness-Omega3
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น