วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

วิธีปกป้องดวงตาจากภัยร้าย เมื่อชีวิตติดจอ 7.2 ชั่วโมงต่อวัน

วิธีปกป้องดวงตาจากภัยร้าย เมื่อชีวิตติดจอ 7.2 ชั่วโมงต่อวัน


โดย..รศ.ดร.สุรพจน์ วงศ์ใหญ่   วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต
          เมื่อคนยุคใหม่มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแบบ "ชีวิตติดจอ" ในชีวิตประจำวันดวงตาของเราต้องเผชิญกับภัยรูปแบบต่างๆ ที่มาจากแสงจากจอคอมพิวเตอร์ จอแท็บเล็ต หรือจอสมาร์ทโฟนในการทำงาน เรียนหนังสือ อัพเดทสถานะโซเชียลมีเดีย เล่นเกม ดูหนัง ส่งข้อความ ซื้อของออนไลน์ ค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ฯลฯ พฤติกรรมเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ทำให้ดวงตาต้องรับบทหนัก ต้องเพ่ง ต้องจ้องหน้าจอต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหาสายตาต่างๆ ตามมา
          สอดคล้องกับผลการสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2557 ซึ่งจัดทำโดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พบว่าปัจจุบันคนไทยมีพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ยถึง 7.2 ชั่วโมง/วันซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก และนอกจากนี้ที่น่าเป็นห่วงคือมีแนวโน้มค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพดวงตาโดยตรง โดยที่ดวงตาของเราถูกทำร้ายโดยไม่รู้ตัว เพราะการที่จดจ่ออยู่กับงานหรือเนื้อหาต่างๆ จากหน้าจอนานๆ ทำให้ดวงตาต้องทำงานหนัก บางทีเผลอลืมกระพริบตาจนทำให้เกิดภาวะตาแห้ง หรือลืมเปลี่ยนอิริยาบถเพื่อละสายตาจากหน้าจอ การที่ดวงตาต้องเจอกับแสงจ้าจากหน้าจอดังกล่าว ส่งผลให้มีอนุมูลอิสระสะสม จนอาจจะทำให้เกิดความผิดปกติเกิดขึ้นกับดวงตาของเราได้ เช่น อาจจะเกิดการระคายเคือง น้ำตาไหล ตาแห้ง ตาอักเสบ เกิดสายตาพร่ามัว จากกล้ามเนื้อตาอ่อนล้า มีอาการมองเห็นภาพซ้อน รวมถึงอาการแพ้แสง เป็นต้น
          ฉะนั้นเราควรเริ่มดูแลและถนอมสายตาตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนสายเกินแก้ เพราะดวงตาของเราเป็นอวัยวะที่สำคัญมีคู่เดียวไม่มีอะไหล่เปลี่ยน บางคนถึงกับเปรียบว่ายอมเสียแขนขาดีกว่าเสียดวงตาทั้งคู่ไป โดยวิธีการป้องกันดวงตาเบื้อต้นเริ่มจาก
      - หมั่นกระพริบตาบ่อยๆ อย่างน้อย 10-15 ครั้ง/นาที 
      - นั่งทำงานในที่มีแสงสว่างเพียงพอ 
      - ปรับขนาดตัวหนังสือให้อ่านง่าย ไม่เล็กเกินไป 
      - ที่สำคัญควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อการบำรุงสายตา เช่น ผักและผลไม้ต่างๆ โดยเฉพาะผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น บิลเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ และแบล็คเคอร์แรนต์ เป็นต้น เพราะผลไม้ตระกูลเบอร์รี่เหล่านี้มีวิตามินเอและแอนโธไซยานินสูง ที่มีผลงานวิจัยระบุว่า
      วิตามินเอช่วยในการมองเห็น และยังมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดภาวะตาแห้ง
      ส่วนแอนโธไซยานิน ช่วยคลายความเหนื่อยล้าของดวงตา ช่วยปกป้องจอประสาทตา ช่วยให้การมองเห็นในเวลากลางคืน และช่วยให้การไหลเวียนเลือดในเส้นเลือดฝอยดีขึ้น
      นอกจากนี้ยังมีวิตามินซี อี และไบโอฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนช่วยปกป้องและถนอมดวงตาไม่ให้โดนทำลาย
          ที่สำคัญอีกหนึ่งประการ เพื่อสุขภาพที่ดีของดวงตา นอกจากการเติมสารอาหารให้ดวงตาด้วยผลไม้ตระกูลเบอร์รี่และการพักสายตาเป็นระยะๆ แล้ว เราควรดื่มน้ำมากๆ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ และไม่ใช้สายตาทำงานหักโหมมากจนเกินไป วิธีการเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นวิธีที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันดวงตาจาก “ชีวิตติดจอ” ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

ความสำคัญของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่      
 
 "ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มีวิตามินเอและแอนโธไซยานินสูง ผลงานวิจัยระบุว่า วิตามินเอช่วยในการมองเห็น ช่วยป้องกันการเกิดภาวะตาแห้ง ส่วนแอนโธไซยานิน ช่วยคลายความเหนื่อยล้าของดวงตา ช่วยปกป้องจอประสาทตา ช่วยให้การมองเห็นในเวลากลางคืน และช่วยให้การไหลเวียนเลือดในเส้นเลือดฝอยดีขึ้น"

      
อ้างอิง:
        เนื้อหาจาก หนังสือพิมพ์มติชน [ วันที่ 06/02/2558 ]
         รายงานผลการสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย  ปี 2557 Thailand Internet User ProB le 2014, เรียบเรียงโดย ส่วนงานดัชนีและสำรวจ สำนักยุทธศาสตร์ สำนักงานพัฒนาธุรกรรม ทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น